ค้นหา

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยที่สวยงามจำนวนมาก อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าชายหาด ป่าชายเลย แนวเขตปะการังที่สมบูรณ์ และหาดทรายรอบเกาะต่างๆ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 151.90 ตารางกิโลเมตร หรือ 94,937.50 ไร่ (แยกเป็นส่วนพื้นดิน ประมาณ 26.728 ตารางกิโลเมตร และพื้นน้ำประมาณ 125.172 ตารางกิโลเมตร) หมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้เคียงแผ่นดินบริเวณอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ดังนี้ : เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะเล็งเบ็ง เกาะพลวง เกาะเหล็ก เกาะหม้อ เกาะกำใหญ่ เกาะแร้ง เกาะหนุ่ย เกาะนกงั่ว เกาะผี เกาะปลิง เกาะเปลว เกาะบาตู เกาะราปูพังเกาะลันตา เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อนปกคลุมด้วยป่าที่สมบูรณ์ จะมีหาดทรายทางด้านหลังเกาะ ในส่วนที่เรียกว่าอันดามัน เทือกเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 450 เมตร
เกาะรอกใน มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน มีโขดหินสีแดงที่ถูกกัดกร่อนมาเป็นเวลานานด้วยแรงลม ยอดเขาสูงสุดจากระดับน้ำทะเลประมาณ 208 เมตร มีชายหาดด้านทิศตะวันออก หาดทรายจะกว้างช่วงน้ำลด
เกาะรอกนอก เป็นเกาะที่มีขนาดใกล้เคียงกับเกาะรอกใน ยอดเขาสูงสุดจากระดับน้ำทะเลประมาณ 156 เมตร บริเวณระหว่างช่องเขาจะมีที่ราบขนาดกว้างอยู่ 2 แห่ง คือช่องเขาของหาดทะลุและอ่าวม่านไทร
เกาะไหง เป็นรูปสัณฐานสามเหลี่ยม ทางทิศตะวันออกประกอบด้วยหาดทรายยาวและมีปะการังหน้าหาด ยอดเขาที่สูงที่สุดสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 198 เมตร

เขาพนมเบญจา

เขาพนมเบญจา เป็นอุทยานแห่งชาติ ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ อ.อ่าวลึก อ.เขาพนม และ อ.เมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มีเนื้อที่ประมาณ 50.12 ตารางกิโลเมตร มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และสัตว์ป่านานาชนิด สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมีดังนี้
น้ำตกห้วยใต้
ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 500 เมตร มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาพนมเบญจา เป็นน้ำตกที่ตกจากหน้าผา มี 11 ชั้น แต่ละชั้นมีแอ่งน้ำใหญ่ น้ำใสสะอาด
น้ำตกห้วยสะเด
ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูง
ถ้ำเขาผึ้ง
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 3 กิโลเมตร มีทั้งหมด 5 ถ้ำในบริเวณเดียวกัน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม เป็นรูปร่างต่างๆกัน เช่น ดอกเห็ดเจดีย์ ม่าน ฯลฯ ผนังถ้ำเป็นสีขาว มีประกายระยิบระยับดูสวยงาม

เกาะพีพี

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติคือภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาโดยรถยนต์ การเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ไปจังหวัดกระบี่ มีระยะทางประมาณ 946 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่าน จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ หรือถ้าไปอีกเส้นทางหนึ่งก็ได้ ซึ่งจะมีระยะทางที่ใกล้กว่าคือประมาณ 814 กิโลเมตรคือ สามารถใช้เส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 จากกรุงเทพฯ ผ่าน จ.ชุมพร แล้วให้เลี้ยวเข้าไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่าน อ.หลังสวน อ.ไชยา อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นให้เลี้ยวเข้าไปใช้เส้นทางหลวงจังหวัด หมายเลข 4035 พอผ่าน อ.อ่าวลึก แล้วให้กลับเข้ามาใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 อีกครั้งก็จะเข้าสู่ จ.กระบี่ พอถึงจังหวัดกระบี่แล้ว ก็วิ่งไปตามถนนสายในเมือง-ในสระ จะใช้ระยะทางอีกประมาณ 18 กม.ก็ถึงหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลังจากนั้นก็ให้ใช้เส้นทางเลียบชายทะเล ไปทางทิศใต้ระยะทางประมาณ 6 กม.ม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอย 40 ล้านปี ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 389.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 243,725 ไร่

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกาะล้าน

เกาะที่ขึ้นชื่อีกแห่งของเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นั่นก็คือ เกาะล้านนั่นเอง ตั้งอยู่ในแนบขนานกับหาดพัทยา ห่างจากชายฝั่งเมืองพัทยาเพียงเจ็ดกิโลเมตร เป็นชายหาดที่นักท่องเที่ยว ชอบมาเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เรือลาก เรือสกี ดำน้ำดูปะการัง มีธรรมชาติที่สวยงาม และดึงดูดผู้ที่ชอบความสงบที่ต้องการมาพักผ่อนได้เป็นอย่างมาก

หาดพัทยาเหนือ

หาดพัทยาเหนือนั้นในอดีตเคยเป็นแหล่งชุมชนและอุตสาหกรรมมาก่อน อาชีพหลักของผู้คนแถบนี้คือ การทำนาเกลือและการประมง จึงทำให้มีบรรยากาศของความเก่าแก่หลงเหลืออยู่ บ้านเรือนโบราณ ถนนสายแคบๆ การเป็นอยู่แบบเรียบง่ายตลอดเส้นทางสายนาเกลือ-พัทยา จนถึงบริเวณวงเวียนปลาโลมาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของถนนเลียบชายหาดซึ่งยาวไปจนถึงพัทยาใต้ ในส่วนของพัทยาเหนือนี้แตกต่างจากบริเวณนาเกลือโดยสิ้นเชิง โรงแรมบ้านพักสถานบันเทิง ร้านอาหาร ถูกสร้างขึ้นมากมายริมถนนเลียบชายหาดสายนี้ อีกทั้งสามารถเดินเล่นไปตามทางเท้าริมถนนเลียบชายหาดได้อีกด้วย ถนนพัทยาสายสองในส่วนของพัทยาเหนือนั้นมีสถานน่าสนใจมากมาย เช่น ทิฟฟานี่โชว์ อัลคาร์ซ่าคาบาเร่ต์ และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีกทั้งสินค้าอีกมากมายในตลาดนาเกลือ

กว๊านพะเยา

กว๊านพะเยา เมืองพะเยา  เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 3 ของประเทศไทย (รองจาก หนองหาน และ บึงบอระเพ็ด)  คำว่า "กว๊าน" ตามภาษาพื้นเมืองหมายถึง "บึง" เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ใจกลางเมืองพะเยา มีทิวเขาเป็นฉากหลัง เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากห้วยต่างๆ 18 สาย มีปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 29.40 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพันธ์ปลาน้ำจืดกว่า 48 ชนิด มีเนื้อที่ 12,831 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาต่างๆ ทัศนียภาพโดยรอบกว๊านพะเยา มีส่วน ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ที่สวยงามประทับใจผู้พบเห็น จนอาจจะกล่าวได้ว่าหัวใจของเมืองพะเยาอยู่ที่กว๊านพะเยานี่เองริมกว๊านพะเยาเป็นร้านอาหารและสวนสาธารณะให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจ กว๊านพะเยาในอดีตแต่เดิมเคยเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำมีสายน้ำอิงไหลพาดผ่านคดเคี้ยวทอดเป็นแนวยาวไปตลอด จากทิศเหนือจรดขอบกว๊านฯ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประกอบกับมีหนองน้ำน้อยใหญ่หลายแห่งและร่องน้ำหลายสายที่ไหลลงมาจากขุนเขาดอยหลวงแล้วเชื่อมติดต่อถึงกัน ทำให้พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้จึงมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งนักและมีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่เป็นชุมชนนานนับตั้งแต่โบราณจวบจนมาถึงปัจจุบัน

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกาะเต่า-เกาะนางยวน

ทะเลสวย เกาะที่มีธรรมชาติสวยงาม มีความสมบูรณ์ของชีวิตใต้ทะเลมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกจึงเสมือนเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำกลางอ่าวไทยเกาะเต่าแห่งนี้แม้จะรู้จักกันในฐานะแหล่งท่องเที่ยวได้ไม่นานนักแต่ด้วยทัศนียภาพที่แปลกตา มีอ่าว, แหลม นับสิบแห่งอยู่รอบเกาะ หาดทรายขาวเม็ดทรายละเอียด น้ำทะเลใส ปะการังสวย เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวชื่อของเกาะเต่าจึงรู้จักกันทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติอย่างรวดเร็วด้วยระยะทางที่ค่อนข้างห่างไกลจากชายฝั่ง ฝุ่นตะกอนมาไม่ถึงน้ำทะเลจึงใสสะอาด แสงแดดส่องผ่านผิวน้ำลงไปได้ลึกเหล่าปะการังใต้ทะเลเจริญเติบโตได้ดีเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลมากมายหลายชนิดเกิดเป็นทัศน์วิสัยที่งดงามแห่งโลกใต้ทะเลที่สร้างความสุขใจให้กับนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวที่รักความสงบได้ตลอดเวลาที่มาเยือน รับรองไม่ผิดหวังถ้าหากได้มา

อุทยานนกน้ำคูขุด

สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานนกน้ำคูขุด อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ท้องที่ตำบลคูขุด อำเภอสทิงพระ เป็นแหล่งพักพิง ถิ่นอาศัยของบรรดานกน้ำอพยพและประจำถิ่นที่สำคัญ จากการสำรวจพบว่ามีนกอาศัยอยู่ถึง 219 ชนิด ซึ่งจะพบมากในช่วงเดือนธันวาคม - มีนาคมของทุกปี บริเวณที่ทำการฯมีเรือบริการนำชมนกตามแหล่งที่มีนกชุกชุมเช่นที่เกาะโคบและ ท่าหิน นอกจากเที่ยวชมนกน้ำแล้ว ทิวทัศน์โดยรอบก็สวยงามโดยเฉพาะในยามเย็นภาพอาทิตย์อัศดงสวยงามมากเมื่อมองจากที่นี้ ภายในบริเวณที่ทำการมีร้านอาหารและบ้านพักบรรยากาศดีให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งพักผ่อนที่ดีอีกที่หนึ่งเช่นกัน

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จัดแสดงศิลปโบราณที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีภายในเมืองสุโขทัย และที่ประชาชนมอบให้ บริเวณพิพิธภัณฑ์จะแบ่งส่วนการแสดงโบราณวัตถุไว้เป็น 3 ส่วนคือ

1. อาคารลายสือไท 700 ปี เป็นอาคารใหม่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าอาคารใหญ่ เป็นที่จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยสุโขทัย เช่น พระพุทธรูป เครื่องใช้ ถ้วยชาม สังคโลก ศิลาจารึก ฯลฯ

2. อาคารพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 ชั้น แสดงศิลปวัตถุในยุดสมัยต่างๆ มากมาย อาทิ พระพุทธรูปสำริด โอ่ง สังคโลก เครื่องศาสตราวุธ เครื่องถ้วยชามสังคโลก เงินตรา ท่อน้ำระบบชลประทานสุโขทัย ฯลฯ

3. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง จะอยู่ด้านนอกโดยรอบอาคารใหญ่ เป็นที่ตั้งแสดงศิลปะวัตถุโบราณต่างๆ อาทิ พระพุทธรูปศิลา แผ่นจำหลัก รูปทรงอาคารไทยแบบต่างๆ เตาทุเรียงจำลอง เสมาธรรมจักศิลา เป็นต้น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง ถนนจรดวิถีถ่อง ตำบลเมือง จังหวัดสุโขทัย

วัดมหาธาตุจังหวัดสุโขทัย

เป็นวันเก่าแก่ สร้างขึ้นสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีพระเจดีย์ต่างๆ รวมถึง 200 องค์ นับเป็นวัดสำคัญประจำกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุ ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์แบบศรีวิชัยผสมลังกาก่อด้วยอิฐอยู่ที่มุม ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ ที่ด้านเหนือและด้านใต้เจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฎฐารศ"

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วัดมหาธาตุ


          ไปทำบุญที่วัดมหาธาตุมีพระเจดีย์ ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูง ประมาณ 4 วาเศษ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงสร้างมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกใน พระเจดีย์องค์ใหญ่ หลังพระอุโบสถ และได้นำ โบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู ในท้องหมูมีลานทองจาลึกอยู่ 3 แผ่น มีข้อความตามจารึกว่า "พระเจ้าเพชรบุรเป็นลูกพระญาอนรงปรดิสถาแล" เขียน เป็นคำปัจจุบันได้ "พระ เจ้าเพชรบุรเป็นลูก พระยาอันรงประดิษฐานไว้"จึงทำให้เราทราบว่า"เพชรบูรณ์"แต่เดิมนั้นเป็น "เพชรบุร" ตั้งอยู่ถนนนิกรบำรุง ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 

เที่ยวที่พัทยาแวะสวนนงนุช

สวนนงนุช พัทยา แหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของไทย

     เที่ยวที่พัทยาแวะสวนนงนุช ชมการแสดงไปแล้ว คราวนี้ ผมนำเสนอ ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้ง ภาพสวยๆ ภายในสวน ในจุดที่ถ่ายมา แต่ขอบอกว่า นี่แค่บางส่วนนะครับ มีสวยๆ อีกเยอะแยะ ไม่มีเวลาดูจนครบ

 ประวัติความเป็นมา “สวนนงนุช พัทยา”
     ปี พุทธศักราช 2497 (ค.ศ.1954) คุณพิสิฐและคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินจำนวน 1,500 ไร่ (600 เอเคอร์) หลักกิโลเมตรที่ 163 ระหว่างพัทยา-สัตหีบ เป็นสวนผลไม้ เช่น มะม่วง ส้ม มะพร้าว และ อื่นๆต่อมาคุณนงนุช ได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศกับ เพื่อนๆ และได้ประทับใจในสวนสวยงาม ประกอบทั้งเป็นคนชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้เกิดมีแนวความคิดที่จะ ”จัดสวนให้คนมาเที่ยว” ดังนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนสวนผลไม้เป็นเป็นสวนไม้ดอกและไม้ประดับ และได้ปลูกสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น บ้านทรงไทย บ้านกระท่อม บ้านแบบทาวน์เฮาส์ สระว่ายน้ำ ห้องอาหาร และห้องจัดเลี้ยง – สัมมนา สำหรับให้บริการกับนักท่องเที่ยว

อนุสาวรีย์ กรมหลวงประจักษ์

อนุสาวรีย์ กรมหลวงประจักษ์

             อยู่ที่จังหวัดอุดรธานี พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม  เป็นพระราชโอรสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาสังวาล    ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2399  ทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ (เรียกว่า “มณฑลอุดร” ในสมัยต่อมา) ระหว่าง ร.ศ.112-118  ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองอุดรขึ้นเมื่อ  ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) ทรงจัดวางระเบียบราชการปกครองบ้านเมือง  และรับราชการในหน้าที่สำคัญๆที่อำนวยประโยชน์แก่ราษฎร พระอนุสาวรีย์รูปปั้นทองบรอนซ์ในพระอิริยาบถทรงประทับยืนอยู่บนแท่นหินแกรนิต สีเทาดำ ที่มีความสูงเฉพาะพระแท่นประทับประมาณ 3.50 เมตร ทรงฉลองพระองค์ เครื่องแบบทหารเต็มพระยศ พระหัตถ์ขวาทรงถือพระแสงกระบี่ พระอนุสาวรีย์ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชาวจังหวัดอุดรธานี ซึ่งชาวจังหวัดอุดรธานี ให้ความเคารพนับถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่ง ชาวอุดรธานีที่จะเดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง หรือกลับมาถึงเมืองอุดรธานี จะยกมือไหว้เพื่อเป็นการบอกกล่าว รวมถึงประชาชนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาด้วย สำหรับการกราบไหว้เพื่อการขอพรนั้น ผู้สันทัดกรณีบอกว่าเป็นเคล็ดลับ เช่นหากว่าขอพรในการสอบแข่งขัน การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งก้าวหน้า สอบราชการทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจต่างๆ ท่านบอกว่าให้ตั้งจิตอธิษฐานบนบานต่อพระองค์ท่าน ด้วยการวิ่งรอบพระอนุสาวรีย์ และถวายม้าและดาบ เป็นของแก้บน ส่วนผู้ที่ไม่ได้บนบาน การกราบไหว้พระอนุสาวรีย์กรมหลวงฯ ทำให้เกิดมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ปราศจากอุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน ประสบผลสำเร็จในการเรียน

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน จังหวัดเชียงใหม่


          ที่อุทยานแห่งชาติขุนขานอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง และป่าแม่แจ่ม ท้องที่ตำบลแม่สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง และตำบลบ้านจันทร์ ตำบลแม่นาจาร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 442,500 ไร่ หรือ 708 ตารางกิโลเมตร

          ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่ ได้ทำการสำรวจและพิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีสภาพธรรมชาติอันสวยงาม มีน้ำตก หน้าผา ถ้ำ หลายแห่งเหมาะสมให้กรมป่าไม้ทราบและพิจารณา กรมป่าไม้ จึงได้มีคำสั่งที่ 934/2536 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2536 ให้นายสุรศักดิ์ วุฒิอิ่น ตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ส่วนอุทยานแห่งชาติ มาดำเนินการสำรวจจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยใช้ชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติขุนขาน”

          สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส ต่ำสุดเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยโดยทั่วไป 23 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,380 มิลลิเมตร
 
สภาพป่าของอุทยานแห่งชาติ ประกอบไปด้วยป่า 5 ชนิด คือ 
1.ป่า ดิบเขาพบตามภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 1,000 เมตร ขึ้นไป บริเวณตอนบนของพื้นที่และบริเวณเทือกเขาแบ่งเขตอำเภอสะเมิงกับอำเภอแม่แจ่ม พันธุ์ไม้ที่พบมากได้แก่ ก่อ สนสามใบ ทะโล้ ตุ้มเต๋น มะขามป้อม จำปี มะส้าน สารภีป่า นมนาง เป็นต้น 
2.ป่า ดิบแล้ง พบทั่วไปบริเวณหุบเขาและริมลำห้วยในระดับความสูง 600-1,000 เมตร พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ได้แก่ ยาง ตะเคียน มะม่วงป่า ลำไยป่า มะไฟ มะเดื่อ เป็นต้น
3.ป่า สนเขา พบตามยอดเขาโดยทั่วไปที่ระดับความสูง 700-1,300 เมตร พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ได้แก่ สนสองใบ สนสามใบ ก่อ รัก รัง เหียง เป็นต้น
4.ป่าเบญจพรรณ พบทางทิศตะวันออกของพื้นที่ พันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้แก่ สัก เติม สมอไทย เส้า แดง ประดู่ เสี้ยว มะแฟน ซ้อ เป็นต้น
5.ป่า เต็งรัง พบมากโดยทั่วไปบริเวณภูเขาที่ไม่สูงมากนัก พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง สนสองใบ มะกอก เส้า เสี้ยว เป็นต้น

         สัตว์ป่าที่มีมาก ได้แก่ เก้ง หมูป่า ไก่ป่า เม่น หมาไน หมาจิ้งจอก นิ่ม ตุ่น กระรอก กระต่ายป่า บ่าง ค้างคาว อีเห็น พังพอน เป็นต้น ที่มีน้อยได้แก่ ลิง ชะนี เสือ เลียงผา นกกก เป็นต้น

ดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ

         ดอยอินทนนท์ จะมียอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2,565 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนอากาศหนาวเย็นตลอดปี แวดล้อมด้วยสภาพป่าแบบดึกดำบรรพ์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด และนกสวยงามนานาพันธุ์ ด้วยเป็นป่าต้นน้ำ จึงมีน้ำตกสวยงามขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น น้ำตกแม่ยะ น้ำตกสิริภูมิ น้ำตกแม่กลาง ฯลฯ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิร

หุ่นขี้ผึ้งสยาม


           มาดูอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดหลวงตำบลวังเย็น และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 20 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯไปตามถนนเพชรเกษม จนถึงสี่แยกบางแพลัวไปทางเส้นทางสายบางแพ-ดำเนินสะดวก  
           อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามนี้มีเนื้อที่กว้างกว่า 42 ไร่ ธรรมชาติร่มรื่น สามารถเดินชมจุดต่างๆในอุทยานได้อย่างร่มเย็น เช่น อาคารเชิดชูเกียรติจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญทั้งชาว ไทยและชาวต่างชาติ อาทิครูมนตรี  ตราโมท, ม.ล.ปิ่น  มาลากุล, แม่ชีเทเรซ่า, ประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิง, ประธานาธิบดีเหมาเจ๋อตุง เป็นต้น,  ลานพระ 3 สมัยเป็นลานแสดงประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัยหล่อด้วยทองเหลืองและรมดำ, ถ้ำชาดกจัดแสดงเกี่ยวกับพระชาติสุดท้ายของพระเวสสันดรชาดกเนื่องการให้ทาน, กุฏิพระสงฆ์หมู่เรือนไทยเป็นที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งพระสุปัฏิปันโนเลื่อง ชื่อทั่วไทย, บ้านไทย๔ ภาค, น้ำตกจำลองและลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 
           และเปิดให้เข้าชมทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา  09.00 - 16.00 น.เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 08.30 - 17.00  น.

ราชาไหมไทย ชื่อฝรั่ง บ้านจิม ทอมป์สัน

สถานที่ท่องเที่ยว

            ที่บ้านจิมทอมป์สัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางกรุงเทพฯ  มีประวัติความเป็นมาอยู่ว่า จิม ทอมป์สันหรือเจมส์ แฮริสัน วิลสัน ทอมป์สัน เจ้าของบ้านซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นสถาปนิกชาวอเมริกัน ที่มีความหลงใหลในงานศิลปะ ในช่วงสงครามยุโรปเขาได้สมัครเข้ารับราชการทหาร    ในกองทัพสหรัฐ  และได้รับมอบหมาย   ให้ประจำการ   ที่สำนักงานด้านยุทธศาสตร์ งานนี้ทำให้เขาได้เดินทางไปทั่วโลก และมีครั้งหนึ่ง  ที่เขาได้เดินทางมายังประเทศไทย   เขามีความรู้สึกรักและผูกพันกับประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างมาก จึงมีความตั้งใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจที่นี่อย่างถาวร ต่อมาเมื่อเขาปลดประจำการจากกองทัพ ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาจึงกลับมายังประเทศไทยโดยเข้าสู่วงการผ้าไหมไทยอย่างเต็มตัว เป็นบุคคลที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ ทำให้ผ้าไหมของไทยได้รับการชื่นชมและยอมรับไปทั่วโลกถึงความสวยงามและมี คุณภาพดี มีเอกลักษณ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายา “ราชาไหมไทย” ตั้งแต่บัดนั้น และต่อมาภายในปี พ.ศ 2510 ระหว่างการพักผ่อนที่แคเมอรอน ไฮแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวพัก ผ่อนตากอากาศของประเทศมาเลเซีย จิม ทอมป์สันได้หายสาปสูญไปอย่างลึกลับ ทางครอบครัวและญาติจัดทีมค้นหาอย่างจริงจังและยาวนาน แต่ก็คว้าน้ำเหลว หลังจากช่วงเวลานั้นจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นหรือรู้ข่าวคราวของจิม ทอมป์สันอีกเลย เหลือไว้แต่บ้านจิม ทอมป์สันแห่งนี้ ที่ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเข้า เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างมากมาย

มาดูประวัติหลวงปู่หล้าอีกที่หนึ่งที่สวยงาม

ประวัติหลวงปู่หล้า
            หลวง ปู่หล้า มีชื่อ หล้า ฉายา จนฺโท (อ่านว่าจันโท) ฉายา หรือชื่อที่อุปัชฌาย์ คือ พระเถระผู้บวชกุลบุตรในพระพุทธศาสนาตั้งให้ท่านได้แก่ "จนฺโท"นั้นแปลว่า พระจันทร์ การตั้งฉายาเป็นไปตามวันเกิด หลวงปู่หล้าเกิดวันพฤหัสบดี

นำประวัติวัดป่าตึงมาแนะนำ

ประวัติวัดป่าตึง
            เดิมเป็นวัดร้าง คู่กับวัดเชียงแสน ก่อนที่จะสร้างวัดนี้ขึ้นมาได้พบพระบรมสารีริกธาตุ และของมีค่ามากมายหลาย อย่าง อาทิ วัตถุโบราณ พระพุทธรูป เครื่องถ้วยชามสังคโลก บริเวณวัดมีโบราณวัตถุอยู่ทั่วไป และมีเตาเผาเครื่อง ถ้วยชามสังคโลกอยู่ด้วย แต่หมดสภาพ เพราะดินยุบไปหมด นอกจากบริเวณวัดแล้วตามป่าเขารอบ ๆ ซึ่งมีเนื้อที่ ประมาณ 10,000 ไร่ ก็จะมีเตาเผาสังคโลกอยู่ทั่วไป ชาวบ้านมักจะพบอยู่เสมอ วัดป่าตึง อยู่ในหมู่บ้านป่าตึง หมู่ 7 ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ สร้างเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2425 ปัจจุบันอายุ 111 ปี โดยครูบาปินตาพบว่าสถานที่แห่งนี้เดิมเป็นวัดร้าง มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาต มีศิลาจารึก เตาเผาเครื่องสังคโลกอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่อยู่างหนาแน่นจึงได้ชักชวนชาวบ้านบูรณะวัดร้างแห่ง นี้ได้รับประกาศแต่งตั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ ตามประกาศลงวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2497

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ถ้ำรูนกสัก

          ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลคูหา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอสะบ้าย้อย ประมาณ 14 กม. (ตามถนนสาย รพช. ต.สะบ้าย้อย-ต.เขาแดง) ระหว่างทางจะมีป้ายด้านขวามือแสดงเส้นทางเข้าไปยังถ้ำรูนกสัก ซึ่งเป็นถ้ำที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีลำธารไหลผ่านกลางถ้ำ มีหินงอกหินย้อยรูปร่างลักษณะต่างๆ มากมาย เป็นถ้ำที่ทะลุกัน ยาวประมาณ 300 เมตร บางตอนของถ้ำมืดและบางตอนสว่าง การเดินทางเที่ยวถ้ำแห่งนี้ต้องปีนป่ายซอกหินลาดชันเล็กน้อย แต่ไม่เหนื่อยมากนัก เพราะการเดินทางทุกย่างก้าวผ่านธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และงดงามยิ่ง

น้ำพุร้อน จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอสันกำแพง

        น้ำพุร้อนสันกำแพง สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามทางภาคเหนือ โดยมีบรรยากาศที่สวยงามมีแหล่งพันธ์ไม้สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นมีบ่อน้ำแร่ห้องอาบน้ำและบ้านพัก มีบ่อน้ำผุร้อนสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบความร้อน โดยมีไข่ให้ต้มมีรางน้ำแร่ให้แช่เท้าบอกไว้เลยว่าร้อนมาก เอาขึ้นจากบ่อทีนี้เหมือนกับว่าผิวลอกเลยทีเดียว มีคนเข้าไปใช้สถานที่ท่องเที่ยว น้ำพุร้อนสันกำแพงมากเลยทีเดียวครับ ได้รับการปรับปรุง และดำเนินการโดยความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสหกรณ์การเกษตรหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จำกัดเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีดอกไม้นานาพันธุ์และน้ำพุร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส ตั้งอยู่ในเขต ต. บ้านสหกรณ์ กิ่งอ. แม่ออน อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 36 กิโลเมตร สามารถไปได้ 2 ทางด้วยกัน คือ เส้นทางเชียงใหม่ – สันกำแพง – สถานีเพาะพันธุ์กล้าไม้สัก – น้ำพุร้อน (เส้นทางนี้จะผ่านถ้ำเมืองคอน ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำพุร้อน 4 กิโลเมตร) หรือเส้นทางเชียงใหม่ – สันกำแพง – หมู่บ้านออนหลวย – น้ำพุร้อน หากเดินทางโดยรถประจำทางขึ้นรถสายดอยสะเก็ด – น้ำพุร้อนสันกำแพง จากตลาดวโรรสด้านทิศเหนือติดแม่น้ำปิงไปยังสันกำแพง และเช่าเหมารถสองแถวจากสันกำแพงไปน้ำพุร้อน

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวดอยแม่สลอง

           ไปเที่ยวดอยแม่สลอง ห่างจากในตัวเมืองเชียงราย 75 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชั่วโมง เป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของชุมชนชาวจีนฮ่อแห่งกองพล 93 ที่ตั้งหลักแหล่งบนดอยแห่งนี้มานานกว่า 40 ปี ปัจจุบันชุมชนชาวจีนบนดอยแม่สลองมีชื่อว่า หมู่บ้านสันติคีรี ตั้งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1,200 ม. อากาศเย็นสบายตลอดปี รายได้หลักมาจากการปลูกชาอู่หลง บ้านสันติคีรีเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีประชากรประมาณ 800 หลังคาเรือน มีทั้งวัด โบสถ์คริสต์ มัสยิด ระบบไฟฟ้า โทรศัพท์ที่ครบพร้อมให้ความสะดวกสบาย

ไปเที่ยวถนนคนเดินในจังหวัดเชียงใหม่

 
          ไปเที่ยวถนนคนเดินในจังหวัดเชียงใหม่ เอาใจนักช๊อป หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นดอย ที่เชียงใหม่ลงมาพื้นราบเอาใจสาวๆนักช๊อปบ้างที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ สถานที่ช๊อปปิ้ง ขึ้นชื่อของเชียงใหม่ที่นักท่องเที่ยวต้องจดไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาแวะให้ได้

เที่ยวน่านไปดอยภูคา

ดอยภูคา จังหวัดน่าน

            ในฤดูหนาวย่างกรายเข้ามาจะมีนักเดินทางทั้งหลายต่างก็หาสถานที่ที่จะไปตากลมหนาวกัน ขอแนะนำดอยเขาที่สลับซับซ้อนอุณหภูมิต่ำกว่า 6 องศาเซลเซียสให้เหล่าบรรดานักเดินทางทั้งหลายมาสัมผัสกันครับ ที่ที่ว่าก็คือ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ระหว่างทางเดินขึ้นยอดดอยที่ความสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1100 เมตร สามารถพบกับกระโถนฤาษีบานอยู่ริมลำธาร บางดอกก็ยังตูมอยู่ สีของดอกเป็นสีแดงสดแต้มด้วยจุดสีเหลืองสดทั่วทั้งดอก

          ไปดูดอกกระโถนฤาษีเป็นพรรณไม้หายากด้วยลักษณะของดอกสีสัน ลำต้นเล็กมากคล้ายใยรา และที่สำคัญมันจัดอยู่ในพรรณไม้ลึกลับ จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่ามันมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เมื่อเดินไต่เขาขึ้นมาเรื่อยๆถึงความสูง1450 เมตรจะพบดอกไม้ป่านานาชนิด ต้นตะเคียน สนสามใบ มังตาน ต้นชมพูคาและนกหลากหลายชนิด บ่ายคล้อยก็พักค้างแรมที่ยอดดอยแห่งนี้ ด้วยอากาศที่เย็นสบาย และธรรมชาติที่สมบูรณ์

เขาหินเทิน

        เดินทางจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ตามถนนเพชรเกษม ถึงกม. ที่ 331 -332 แยกขวาไปอีก 8 กิโลเมตร ในบริเวณมีก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อน วางซ้อนเกยหรือพิงกันอยู่ตามธรรมชาติ ในลักษณะต่าง ๆ บังเกิดเป็นช่อง ซอก หลืบ และทางเดินแคบ ๆ นำไปสู่ลานกว้างหลายลานบนยอดเขา

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ตลาดคลองสวน 100 ปี

         ตลาดคลองสวน 100 ปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ ตั้งอยู่ ริมคลองประเวศน์บุรีรมย์ ในพื้นที่ 2 จังหวัดคือ ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ในสมัยก่อนสถานที่ท่องเที่ยว แห่งนี้ จะถือเป็นจุดศูนย์กลางของการคมนาคมทางน้ำ ในการจะเดินทางเข้ามายัง กรุงเทพมหานครนั้น จะต้องมาผ่านตลาดคลองสวนก่อนแล่นเข้า สูุ่ประตูน้ำวังสระปทุม

        สมัยก่อนตลาดคลองสวน ถือเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชน ที่มาทำการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สังเกตุได้จากบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวแห่ง นี้ ที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัด โรงเจ หรือแม้แต่สุเหร่าซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ และยึดเหนี่ยวกลุ่มชนต่างชาติต่างศาสนาไว้ด้วยกัน โดยชุมชนเหล่านี้มีการอยู่ร่วมกันมาอย่างสงบเป็นเวลาช้านาน

        ตลาดธรรมดาๆในอดีต ซึ่งปัจจุบันกลับกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทาง วัฒนธรรม ที่มีผู้คนจากทั่วประเทศสนใจเดินทางมาเยี่ยมเยือน ปัจจุบันก็ยังคงมีสภาพแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นสภาพอาคารบ้านเรือนแบบเก่า ภาพกลุ่มคนนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นกันเองตามร้านกาแฟยามเช้า เป็นวิถีชีวิตที่ดูุุอบอุ่นและเรียบง่ายของคนแถวนี้ บรรดาร้านค้าสมัยเก่าที่เรียกว่าร้านโชห่วย ปัจจุบันที่แทบจะล้มหายตายจากไปหมด เนื่องจากการเข้ามาของร้านสะดวกซื้อ ที่พากันเปิดตัวเต็มไปหมดแทบทุกถนนในเมืองใหญ่ แต่นักท่องเที่ยวจะยังสามารถพบร้านค้าประเภทโชห่วยได้ที่นี่

        สถานที่ท่องเที่ยวแห่ง นี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว ที่อยากเห็นบรรยากาศการซื้อขายของร้านค้าเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ผ่านมา การนำเสนอขายสินค้า ของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเอง ที่ไม่สามารถหาได้จากเมืองใหญ่ ตลอดจนการได้นั่งชิมอาหารอร่อยๆในบรรยากาศย้อนยุค คงสร้างความประทับใจอย่างเต็มอิ่มไม่รู้ลืมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์

           แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว วันนี้พาไปท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ชมศาสนบรรพตที่สวยงาม ตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟใน จ.บุรีรัมย์ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง  หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 (บ้านดอนหนองแหน) ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ 200 เมตรจากพื้นราบ (ประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) คำว่า พนมรุ้ง นั้น มาจากภาษาเขมร คำว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่
           ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18
           จารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3 กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้สถาปนาเทวาลัยถวายพระอิศวรที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรก ๆ คงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิทรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง
           สำหรับการเดินทางไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งได้หลายทางด้วยกัน ที่นิยมกัน คือ จากกรุงเทพฯ เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง หมายเลข 2 (มิตรภาพ) จากนั้นแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ผ่านอำเภอ หนองกี่ อำเภอนางรอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ตามทางหลวงหมายเลข 218 รวมระยะทาง 410 กม. หรือจากนครราชสีมา ตามทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านอำเภอจักราช-ห้วยแถลง-ลำปลาย มาศ รวมระยะทาง 384 กม.
 

ไปเที่ยวที่ปางอุ๋ง สวิสเซอร์แลนด์ในเมืองไทย สถานที่ท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน

ไปเที่ยวที่ปางอุ๋ง สวิสเซอร์แลนด์ในเมืองไทย สถานที่ท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน

           ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนนอกจากปายที่รู้จักกันอย่างดีแล้วที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันอีกที่หนึ่งคือ ปางอุ๋งหรือเรียกเต็มๆว่าโครงการพระราชดำริป่าตอง 2  ปางอุ๋งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขาสูง โดยบริเวณริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเป็นแนวทิวแถว บริเวณนี้เป็นแหล่งที่รวบรวมชาวเขาเผ่าต่างๆไว้ด้วย ปางอุ้งเป็น แหล่งที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกก็เนื่องมาจากความงดงามของหมอกยามเช้าเมื่อ กระทบกับแสงพระอาทิตย์ยามเช้าร่วมด้วยกับบรรยากาศอันหนาวเหน็บทำให้ที่ปาง อุ๋งแห่งนี้ถูกขนานนามว่า “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย” นอกจากนั้นแล้วการได้ชมพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าหรือว่ารอจนพระอาทิตย์ตกดิน ก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดเมื่อมาเที่ยวที่ปางอุ๋งแห่งนี้ นอกจากการดูพระอาทิตย์แล้วการได้มาลองแพก็ถือว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลาย ท่านให้ความสนใจกันครับ การได้ล่องแพชมความงามของทัศนียภาพยามเช้า รวมทั้งชมบรรดานกนานาชนิดก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย ปางอุ๋งหรือบ้านรวมไทย อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 40 กิโลเมตร นอกจากที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติแล้วยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในชุมชนแทบนั้น ซึ่งเรียกได้ว่าคุ้มค่าสำหรับการเดินทางมากเลยและอย่างไรก็ตามท่านใดที่ต้อง การไปพักผ่อนในบรรยากาศที่ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมชาติและสงบมาที่ปางอุ๋งแห่ง นี้รับรองไม่ผิดหวังแน่ๆครับ สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่ปางอุ๋งแห่งนี้จากแม่ฮ่องสอน ผ่าน อำเภอขุนยวม เข้าสู่ อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน – จากเมืองแม่ฮ่องสอนสู่ปางอุ๋ง ตามเส้นทางสู่ แม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า-ปาย ขับไปเรื่อย ๆ ผ่านน้ำตก ผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง เข้าสู่บ้านหมอกจำแป๋ หมู่บ้านใหญ่เป็นจุดแยก ซ้ายไปปางอุ๋ง ขวาไปถ้ำปลา

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มาเที่ยวตลาดร้อยปีสามชุกที่จังหวัดสุพรรณบุรี่

ที่ตลาดร้อยปี สามชุก

 

  โดยตลาด 100 ปี สามชุกนับได้ว่าตลาดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุพรรณบุรี(ท่าจีน) ที่ยังมีภาพบรรยากาศของบ้านเรือนรวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตให้เราได้ชม   ในยุคสมัยที่ตลาดสามชุกเฟื่องฟู ชาวบ้านก็จะนำของพื้นเมืองมาแลกเปลี่ยนซื้อขายให้กับพ่อค้าชาวเรือ ต่อมาเมื่อบริเวณริมแม่น้ำสุพรรณบุรีมีการทำนากันมากขึ้น ตลาดสามชุกจึงกลายเป็นตลาดข้าวที่สำคัญ มีโรงสีไฟเกิดขึ้นหลายแห่ง การค้าขายเริ่มคึกคักและมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในแต่ละปีมีการเก็บภาษีได้เป็นจำนวนมากและมีนายอากรคนแรก ชื่อ ขุนจำนง จีนารักษ์
      จากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ส่งผลให้ตลาดสามชุกเริ่มซบเซาลง แต่ด้วยวิถีชีวิตของชุมชนตลาดสามชุกที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่า เวลาจะผ่านมานับร้อยปี ชาวตลาดสามชุกจึงได้ร่วมกันปรับปรุง ฟื้นฟู สถาปัตยกรรมไม้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน วันนี้ตลาดสามชุกจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและมีสิ่งน่าสนใจที่มีเสน่ห์ อยู่มากมาย

วิธีเดินทาง
การเดินทางด้วยรถยนตร์ สู่ตลาดสามชุก จากกรุงเทพฯ ผ่าน อ. บางบัวทอง จ. นนทบุรี ไปจนถึงตัว จ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 กม. จากนั้นไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้า อ. สามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก

น้ำตกทีลอซูสวยงามมาก

น้ำตกทีลอซู


          เป็นภาษาของชาวกะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ แต่เดิมชาวกะเหรี่ยงเรียกน้ำตกนี้ว่า น้ำตกทีลอชู ที่แปลว่าน้ำตกที่ยิ่งใหญ่  ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ห่างจากที่ทำการเขตฯ 1.5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 900 เมตร เกิดจากลำน้ำห้วยกล้อท้อทั้งสายที่ไหลแผ่ปกคลุมพื้นที่หน้าผากว้างกว่า 500 เมตร ก่อนที่จะทะยานลงสู่หน้าผาสูงชันลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สูงกว่า 300 เมตร เสียงดังกึกก้องบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่จนชาวกะเหรี่ยงให้สมญานามว่า น้ำตกทีลอชู (น้ำตกใหญ่) รายล้อมไปด้วยป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์เป็นน้ำตกที่มีความยิ่งใหญ่และสวยที่ สุดในเมืองไทย น้ำใสสะอาด ฤดูฝนเป็นช่วงที่น้ำตกสวยที่สุด การเดินเที่ยวชมน้ำตกแต่ละชั้นต้องเดินผ่านสายน้ำขึ้นไป จึงควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

          การเดินทางรถยนต์จากอำเภออุ้มผาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 อุ้มผาง-แม่สอด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 บ้านแม่กลองใหม่ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1288 บ้านแม่กลองใหม่-เบิ้งเคลิ้ง ถึงด่านตรวจเดลอ เลี้ยวซ้ายเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ถนนช่วงนี้เป็นเส้นทางลำลองที่นักท่องเที่ยวต้องใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้น รวมระยะทาง 50 กิโลเมตร

         โดยการเดินทางท่องเที่ยวในฤดูฝนนี้ จะมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางปิดเส้นทางเดินรถยนต์ เนื่องจากการสัญจรลำบาก และยังเป็นการพักฟื้นผืนป่าให้สัตว์ออกหากินและขยายพันธุ์โดยไม่ถูกรบกวน หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปน้ำตกทีลอซูในช่วงนี้ ควรติดต่อบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ เนื่องจากการเดินทางเข้าได้ 2 เส้นทาง คือ ล่องเรือยางจากท่าทราย อำเภออุ้มผาง ไปตามลำน้ำแม่กลองใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง และเดินเท้าต่อไปยังน้ำตกทีลอซู ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง หรือ เดินเท้าตามเส้นทางรถจากหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวงถึงน้ำตกทีลอซู ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์เดินทางเข้าในช่วงเวลาดังกล่าวต้องได้รับ อนุญาตจากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผางก่อนทุกครั้ง

มีงานประเพณีวิ่งควาย จังหวัดชลบุรี

งานประเพณีวิ่งควาย จังหวัดชลบุรี


           ที่จังหวัดชลบุรี มีการร่วมกับเทศบาลเมืองชลบุรี ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา จัดงาน ประเพณีวิ่งควาย ครั้งที่ 139 ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 16 – 22 ตุลาคม 2553 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชลบุรี ทั้งนี้ ประเพณีวิ่งควาย เป็นงานประเพณีประจำจังหวัดชลบุรี เป็นหนึ่งในประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชลบุรีที่มีการจัดมากว่า 100 ปีแล้ว ประเพณีวิ่งควาย เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 หรือก่อนออกพรรษา 1 วัน เพื่อเป็นการทำขวัญควายและให้ควายได้พักผ่อน หลังจากตรากตรำกับการงานในท้องนามายาวนาน นอกจากนี้ ประเพณีวิ่งควาย ยังเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อควายที่เป็น สัตว์มีบุญคุณต่อชาวนาและคนไทยอีกทั้งยังเพื่อให้ชาวบ้านได้มีโอกาสพักผ่อน มาพบปะสังสรรค์กันในงานวิ่งควาย โดยชาวไร่ ชาวนาจะตกแต่งควายของตนอย่างสวยงาม และนำควายมาชุมนุมกันที่บริเวณสนามหน้าอำเภอเมืองชลบุรี มีการแข่งขันวิ่งควาย ประกวดสุขภาพควาย ประกวดการตกแต่งควาย ประกวดนางงาม "น้องนางบ้านนา" เป็นต้น ขบวนแห่กัณฑ์เกวียน 13 กัณฑ์ ขบวนวัฒนธรรม ริ้วขบวนคำขวัญจังหวัดชลบุรี ขบวนน้องนางบ้านนา ขบวนตกแต่งควายสวยงาม ตลกขบขัน ขบวนหน่วยงานต่าง ๆ การ แข่งขันวิ่งควาย การประกวดสุขภาพควาย การแข่งขันกีฬาไทยพื้นบ้าน อาทิ ชักเย่อ ปีนเสาน้ำมัน ยิงเป้าหนังสติ๊ก ชกมวย ตะกร้อลอดบ่วง ตัดว่าว ฯลฯ การแข่งขันแกะหอยแมลงภู่ การแข่งขันกินหอยทอด ประเภทกินจุและกินเร็ว การออกร้านจำหน่ายสินค้า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การแสดงศิลปวัฒนธรรม

ประวัติจังหวัดชัยภูมิ เมืองแห่งผู้กล้า

ชัยภูมิ เมืองแห่งผู้กล้า
โดยมีอาณาเขตดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัด ขอนแก่น
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดนครราชสีมา
ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดนครราชสีมา
ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดลพบุรี

ประวัติโดยย่อ
        จังหวัดชัยภูมิ  มีที่ตั้งอยู่บนสันขอบที่ราบสูงอีสาน โดยมีพื้นที่ติดต่อกับภาคกลางและภาคเหนือ เป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกกระเจียวแสนงาม และสายน้ำตกชุ่มฉ่ำยามหน้าฝน เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน มีเทือกเขาที่สำคัญได้แก่ ภูพังเหย ภูแลนคา ภูพญาฝ่อ อันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำชี ด้านประวัติศาสตร์ ชัยภูมิมีอารยธรรมซ้อนทับกันหลายสมัย ตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยขอม จนถึงอิทธิพลลาวล้านช้าง มีการค้นพบโบราณสถานโบราณวัตถุมากมายในหลายพื้นที่ของจังหวัด ต่อมาปรากฏชื่อเป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระ นารายณ์มหาราช ภายหลังจึงร้างไป และมาปรากฏชื่ออีกครั้งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยมีชาวเวียงจันทน์เข้ามาสร้างบ้านแปงเมือง มีผู้นำชื่อ แล ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองคนแรกของชัยภูมิ ชัยภูมิอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 342 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 12,778 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 16 อำเภอ คือ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอจัตุรัส อำเภอภูเขียว อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอบ้านแท่น อำเภอแก้งคร้อ อำเภอคอนสาร อำเภอเทพสถิต อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอภักดีชุมพล อำเภอเนินสง่า และอำเภอซับใหญ่

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มาดูตลาดนัดจตุจักรที่จังหวัดกรุงเทพฯ

         ตลาดนัดจตุจักรจะมาการขายสินค้ามากมายอาทิเช่น สินค้าที่จำหน่าย อาทิ พระเครื่อง พระบูชา หนังสือ ต้นไม้ ภาพเขียน เสื้อผ้า พืชผลทางการเกษตรหินประดับ ไก่ชน บอนไซ เครื่องจักสาน สัตว์เลี้ยง อาหารสด อาหารแห้ง เครื่องเซรามิค และสินค้าเบ็ดเตล็ด
    
ประวัติ
         เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๑ สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี มีนโยบาย การจัดตลาดนัดทั่วทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เฉพาะในกรุงเทพมหานครได้เลือกบริเวณสนามหลวงเป็นสถานที่จัดตลาดนัด เป็นศูนย์รวมสินค้านานาชนิดทั่วทุกภาครวมทั้งสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา จำหน่ายมากมาย ซึ่งจอแจแออัดแน่นขนัดล้นหลามไปด้วยผู้คนเป็นที่นิยมและรู้จักกันทั่วไปทั้ง ชาวไทยและต่างประเทศ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๒ ทางราชการจำเป็นต้องใช้พื้นที่สนามหลวงจัดพระราชพิธีต่างๆ และต้องปรับปรุงพื้นทางเท้ารอบสนามหลวงเป็นคอนกรีตจำต้องย้ายไปจัดตลาดนัด ที่พระราชอุทยานสราญรมย์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ ทางราชการต้องการใช้พระราชอุทยานสราญรมย์เป็นสถานที่พักผ่อน หรือ สวนสาธารณะ และเป็นที่จัดประกวดนางสาวไทยจำต้องย้ายไปจัดตลาดนัดที่สนามหลวงตามเดิมเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๑ สมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีนโยบายจะใช้สนามหลวงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และใช้เป็นที่จัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี และใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ ต่อมากรุงเทพมหานคร (เทศบาล) ได้ใช้งบประมาณสร้างถนนอาคารและปรับปรุงสถานที่จำหน่ายสินค้าและย้ายการจัด ตลาดนัดที่สนามหลวงมาจัดที่พหลโยธิน ให้ชื่อตลาดว่า ตลาดนัดย่านพหลโยธิน และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า ตลาดนัดจตุจักร

ทะเลที่ จ.ตรัง สวยงาม น่าพักผ่อน

          ทะเลตรัง นับเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอันดามัน ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงแห่งหนึ่ง เสน่ห์ทะเลตรังอยู่ที่น้ำทะเลสวยใส หาดทรายขาว และเกาะน้อยใหญ่เรียงรายอยู่ไม่ไกลจากฝั่งเท่าใด เกาะที่สำคัญทางการท่องเที่ยวและสวยงามมีอาทิ เกาะไหง เกาะกระดาน ส่วนเกาะเชือกและเกาะม้าเป็นเกาะที่มีปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้ และที่แปลกประหลาดที่สุด คือ ถ้ามรกตบนเกาะมุกในเขตอุทยานแห่งชาติเอาไว้นอกจากนั้นชายหาดไหม ที่ซุ่มซ่อน ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเอาไว้ นอกจากนั้นชายหาดอุทยานแห่งชาติเอาไว้ นอกจากนั้นชายหาดอุทยานแห่งชาติเจ้าไหมก็นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อีกบริเวณหนึ่งโดยเฉพาะ หาดปาดเม็ง คลองฉางหลาง และหมู่บ้านประมงหาดเจ้าไหม ถ้ำประหลาด กลางทะเล มุดลอดเข้าไปจะพบทรายขาวและต้นไม้ซ่อนอยู่ใจกลางเกาะ การเข้าถึงต้องลอยคอในน้ำสอดถ้ำอันมืดมิด เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง จับคนข้างหน้าไว้ให้มั่นไม่งั้นอาจหลงทางได้ ใครเชื่อว่า เมื่อพ้นความมืดมิด ยามแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตงด งามถ้ำมรกต จ.ตรัง

เรามีรู้จักจังหวัดอ่างทองกันนะครับ

        อ่างทอง เป็นจังหวัดซึ่งอุดมไปด้วยงานหัตถกรรมพื้นถิ่นไม่ว่าจะเป็นการทำอิฐดินเผา งานปั้นตุ๊กตาชาววัง การทอผ้า การทำเครื่องเงิน การผลิตเครื่องจักสาน การทำกลอง ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดเพลงพื้นบ้านลิเก เป็นจังหวัดของวีรชนคนกล้าในศึกบางระจัน และยังมีวัดมากมายกว่า 200 วัดอันเป็นสถานที่น่าศึกษาประวัติศาสตร์ และเรื่องราวความเป็นมาในอดีตของชาติไทย

        อ่างทองมีเดิมชื่อ เมืองวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อยบนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของกรุงศรีอยุธยาในการสู้รบกับกองทัพพม่า ดังปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาหลายตอน โดยเฉพาะในช่วงก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกในปีพ.ศ. 2310 พม่าได้ใช้แขวงเมืองวิเศษชัยชาญเป็นที่ตั้งค่าย เพื่อตีกรุงศรีอยุธยา และทำให้เกิดการสู้รบครั้งสำคัญ ที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย นั่นคือ ศึกบางระจัน ปลายสมัยกรุงธนบุรีได้ย้ายที่ตั้งเมือง มาอยู่บริเวณฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บ้านบางแก้ว เรียกชื่อใหม่ว่า อ่างทอง เนื่องจากเป็นที่ลุ่มและอู่ข้าวอู่น้ำอัน เป็นเสมือนขุมทรัพย์ที่มีค่า

       จังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนล่าง มีเนื้อที่ 968 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านสองสาย คือ แม่น้ำน้อย และแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดอ่างทองแบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอแสวงหา อำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง อำเภอไชโย และอำเภอสามโก้ 

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรามาดูหมู่เกาะสิมิลัน ของจังหวัดพังงา

       เกาะสิมิลัน

        เรามาดูหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะกลางทะเลอันดามันที่เป็นเลิศในความงามของปะการังแห่งหนึ่งของโลก “สิมิลัน” เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า “เก้า” ชาวประมงบางคนจึงเรียกว่า หมู่เกาะเก้า ประกอบด้วย เกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันประกอบด้วย เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง หมู่เกาะสิมิลัน เป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2525 ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา และในปี 2541 ได้ผนวกรวมเกาะตาชัย ทำให้มีพื้นที่ทั้งหมด 140 ตารางกิโลเมตร

วันนี้เรามาดู เมืองบั้งไฟ จังหวัดยโสธร


เมืองบั้งไฟ จังหวัดยโสธร

     ในพงศาวดารของเมืองยโสธรได้บันทึกไว้ว่า เมื่อราวๆ ปี พ.ศ. 2340 พระเจ้าวรวงศา (พระวอ)  เสนาบดีเก่าเมืองเวียงจันทน์กับสมัครพรรคพวกเดินทางอพยพจะไปอาศัยอยู่กับ เจ้านครจำปาศักดิ์ เมื่อเดินทางถึงดงผีสิงห์เห็นเป็นทำเลดี จึงได้ตั้งหลักฐานและสร้างเมืองที่นี่เรียกว่า “บ้านสิงห์ท่า” หรือ “เมืองสิงห์ท่า” ต่อมาใน พ.ศ. 2357 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกฐานะบ้านสิงห์ท่าแห่งนี้ขึ้นเป็น “เมืองยโสธร” ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ มีเจ้าเมืองดำรงบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรราชวงศา

     เมื่อปี พ.ศ. 2515 ได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดยโสธร โดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 70 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2515 ได้แยกอำเภอยโสธร อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย อำเภอป่าติ้ว อำเภอเลิงนกทา และอำเภอกุดชุม ออกจากจังหวัดอุบลราชธานี และรวมกันเป็นจังหวัดยโสธร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2515

     ที่จังหวัดยโสธรมีเนื้อที่ประมาณ 4,161 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในเขตอีสานตอนล่าง จังหวัดยโสธรแบ่งการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ คือ อำเภอเมืองยโสธร คำเขื่อนแก้ว มหาชนะชัย ป่าติ้ว เลิงนกทา กุดชุม ค้อวัง ทรายมูล และไทยเจริญ

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวที่ภูเก็ต บรรยากาศสวย

       
             โดยเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ล้อมรอบด้วยน้ำอุ่นของเธอในทะเลอันดามันหาดทรายที่สวยงาม แปลกเกาะที่มีรูปร่าง ถ้ำหินย้อยถ้ำธรรมชาติและภูมิทัศน์ธรรมชาติอื่น ๆ ประกอบกับน้ำทะเลชายฝั่ง สีฟ้าใส โลกใต้ทะเลที่สวยงาม เกาะภูเก็ตเรียกว่า ”สวรรค์เขตร้อน” ไม่ได้พูดเกินจริง  “ภูเก็ต” ในระยะเริ่มต้นมาจากประเทศมาเลเซียแทนโดยหมายถึง”ฮิลล์. มันเป็นเมืองที่เล็กที่สุดกับภาคใต้ของประเทศไทยมี 862 กม. จากเมืองหลวงกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ปกครองพื้นที่เขต อำนาจของเกาะครอบคลุม 543 ตารางกิโลเมตรเหนือจรดใต้และ 48 กม.  21 กม. ทางทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกครอบคลุมพื้นที่เกี่ยวกับสิงคโปร์ คล้ายกับภูมิประเทศเป็นเกาะหลักกลิ้งภูเขา จุดที่มีในระหว่างหรืออ่าง และ 39 หมู่เกาะ คนมักจะกล่าวว่าภูเก็ตเป็น ”ไข่มุกแห่งประเทศไทย” และนี่เป็นเงามุก 5 ปีสาเหตุหลักมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของการผลิตดีบุกมีแหล่งเงินทุน เพียงพอที่จะนำรายได้ ประเทศไทยปัจจุบันของโลกที่ 3 ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของดีบุกมากที่สุดของภูเก็ตเป็นน้ำจากพื้นที่น้ำจืด นอกจากดีบุกขณะนี้มีประชากรของเกาะในการขยายตัวของอุตสาหกรรมยางส่วนที่ เหลือเป็นข้าว มะพร้าวและผลไม้หรืออาศัยในเรือประมงในการดำรงชีวิตประจำวันในภูมิภาพ ทัศนียภาพอันงดงามของจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงอ่าวพังงาดึงดูดนักท่อง เที่ยวต่างชาติจำนวนมากทุกเพศทุกวัยหากคุณต้องการเพื่อเข้าชมป่าที่เต็มไป ด้วยความสนุกสนาน เป็นทางเลือกที่ดีมากเช่นเดียวกับในแหลมทางใต้ที่เรียกว่าเป็นเพื่อนนางฟ้า อ้างคาบสมุทรเป็นสถานที่ที่ดีในการเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ตกดิน อื่น ๆ มีมูลค่าการกล่าวขวัญว่ามีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ต เพิร์ลฟาร์มและหมู่บ้านไทยและสวนกล้วยไม้และ หญิงอนุสาวรีย์ทหารและสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ สนามกอล์ฟบนเกาะไม่เพียง แต่งดงาม แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมืออาชีพสนามกอล์ฟมาตรฐานโลกและความต้องการของผู้ เล่นสูงไม่เต็มใจที่จะออกจากที่ไม่ได้รับความสนุกสนานของหาดคุณอาจได้รับใน ไร้สาระสำหรับมัน ภูเก็ตภูมิใจที่สุดคือด้านตะวันตกของเกาะเป็นเจ้าของใกล้ทะเลอันดามัน มากกว่า 10 หาดทรายที่สวยงามเช่นหาดป่าตอง สุรินทร์บีช (หาดสุรินทร์) หาดในหาน (หาดในหาน ) และเพื่อที่ฉันเห็นหาดทรายที่สวยงามจุดที่มีร่มสีสันแสงและเงาในข้ามนี้คน ทั้งตื่นเต้นและมีการเร่งเรือในอ่าว ฝั่งดวงอาทิตย์หรือการเล่นในน้ำนี้เสียงหัวเราะจากผู้เข้าชม เขาคิดค่าบริการสำหรับหลาย ๆ คนแล้วความสุขของความรู้สึกมามากที่จะกำไรที่ใหญ่ที่สุด ในหมู่เกาะห่างไกลได้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลในปี 1981 อ่าวพังงาเป็นที่รู้จักกันดีเป็นกรณีที่สองซึ่งกว่า 40 เกาะรวมทั้งการสะสมของถ้ำหินปูนจำนวนมากเกิดขึ้นจากการ stalactites ความงามหินงอกรูปร่างและความหลากหลาย  ที่มีชื่อเสียง  เกาะและเกาะที่เต็มไปด้วยหินย้อยขาวใส  เพื่อที่คุณจะสามารถลิ้มรสที่เป็นของเกาะใต้ใน วิธีที่ไม่ซ้ำกันของชีวิตที่ทะเลและของขวัญของธรรมชาติให้แก่ที่นี่

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันนี้มีรูปที่นาข้าวมาให้ดูกัน




เป็นการทำนาข้าวแบบขั้นบันได ที่ บ้านแม่แจ่ม
ปล.รูปอาจจะใหญ่ไปหน่อยแต่อยากให้เห็นรูปสวยๆของประเทศไทย

มาเที่ยวที่ภูกระดึงกันนะจ้า

ภูกระดึง

          เมื่อเอ่ยถึงภูเขา สิ่งที่ไปกันได้ดีก็คือเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะบนภูเขามีสิ่งดึงดูดความสนใจให้ขึ้นไปเที่ยวชมมากมาย อย่างพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ป่าใหญ่ๆ ดอกไม้ป่างามๆ น้ำตกบึ้มๆ หน้าผาและจุดชมวิวสวยๆ ไม่เพียงเท่านั้นอุณหภูมิบนภูเขาทั้งกลางวันกลางคืนก็หนาวเย็น สร้างบรรยากาศโรแมนติก ชวนให้เบียดกายใกล้ชิดสนิดแนบ เหมาะแก่การพาคู่รักหรือเพื่อนร่วมใจไปสนุกสนานเปลี่ยนบรรยากาศ ภูเขาจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับของผู้คนทั่วโลก



          แนว ทิวเขาของอีสานประกอบไปด้วยแนวทิวขาเพชรบูรณ์และแนวทิวเขาดงพญาเย็น ที่เป็นเสมือนสันกั้นพรมแดนระหว่างภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน จากที่ราบลุ่มภาคกลางจะขึ้นสู่ที่ราบสูงอีสานก็ต้องทะลุแนวภูเขานี้ขึ้นไป ทั้งสิ้น ต่ำลงมาประชิดกับภาคตะวันออกชายฝั่งทะเล คือเทือกเขาสันกำแพง ที่ด้านหนึ่งเป็นจังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้ว กับอีกด้านหนึ่งก็คือพื้นที่อำเภอโนนสูง เสิงสาง และครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ทิวเขานี้ยังเชื่อมโยงต่อไปถึงพนมดงรัก ซึ่งเป็นแนวกั้นอีสานกับดินแดนกัมพูชาและ สปป. ลาว และทั้งหมดนี้ก็คือ แนวภูเขาที่กั้นอีสานออกเป็นเอกเทศ แทบจะเป็นที่ราบกลมๆ บนที่สูง จากอีสานจะลงมาภาคกลางหรือไปภาคเหนือ อย่างไรเสียก็ต้องเจอภูเขา จะไปตามทางราบๆ ตลอดไม่ได้



          นอกจากนี้ อีสานยังมีแนวเทือกเขาภูพานที่เป็นเส้นตัดขวางแบ่งกั้นให้เกิดเป็นอีสานเหนือ คือ จังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม และเลย และอีสานใต้ที่มีอยู่อีกมากมายหลายจังหวัด ทั้งหมดเสมือนถูกตัดแยกออกจากกันอย่างเด่าชัดด้วยเทือกเขาภูพานแห่งนี้



          และในบรรดาเทือก ภูเขาสูงอีสานหลากหลายนี้ เทือกเขาเพชรบูรณ์ดูจะเป็นเทือกเขาที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุด ก่อให้เกิดภูเขาย่อยๆ ที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีความหลากหลายของสรรพชีวิตสวยงามมากมายหลายแห่ง และหากจะกล่าวกันถึงเรื่องท่องเที่ยวแล้ว ก็เชื่อแน่ว่าไม่มีใครปฏิเสธ หากจะยกตำแหน่งสุดยอดภูเขาท่องเที่ยวให้กับภูกระดึง แห่งเทือกเขาเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย



          ภูกระดึง เป็น แหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ที่ไม่เคยเสื่อมคลายมนตร์ขลัง เพราะที่นี่มีทุกๆ อย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ จุดเด่นของภูกระดึงคือความสวยงามของภูเขา สายหมอกหน้าผา พรรณไม้ และสัตว์ป่า กล่าวกันว่า ถ้านักท่องเที่ยวจะเริ่มต้นออกเดินทางท่องธรรมชาติ ภูกระดึงจะเป็นเสมือนโรงเรียนประถมต้นของการท่องเที่ยวภูเขากันเลยที่เดียว

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553


สถานที่ท่องเที่ยวถ้ำพุงช้าง
         เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบ ถ้ำใหญ่ที่อยู่ใจกลางเขาช้าง บริเวณที่เรียกว่า “พุงช้าง” เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างความยิ่งใหญ่ของหินงอกหินย้อยให้ ประทับใจ ตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น การเที่ยวถ้ำพุงช้าง ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย นักท่องเที่ยวจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนนู เพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ หินงอกหินย้อยมีลักษณะของช้าง หลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกัน เป็นวงรอบ หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตรยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็น ประกายสวยงามมาก การเดินเที่ยวถ้ำพุงช้างใช้เวลาประมาณ 50 นาที

สถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่

วัดสวนดอก หรือวัดบุปผาราม
          ตั้งอยู่ที่ถนนสุเทพ ในเขตอำเภอเมือง พระเจ้ากือนาทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1914 (ศักราชนี้ถือตามหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ของพระรัตนปัญญาเกตุ) เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถระสุมน ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในล้านนา วัดนี้แต่เดิมเป็นพระราชอุทยานของกษัตริย์ลานนาไทยสมัยแรกเริ่ม มีสถาปัตยกรรมสำคัญ คือ เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงกลม กู่บรรจุอัฐิเจ้าตระกูล ณ เชียงใหม่ และวิหารโถง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าเก้าตื้อ ซึ่งพญาเมืองแก้วโปรดให้หล่อขึ้น เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ ศิลปะล้านนาผสมกับศิลปะสุโขทัย
 
วัดพระสิงห์วรวิหาร
         อยู่ถนนสามล้าน อำเภอเมือง เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งซึ่งประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนนรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วถึงกัน แต่เดิมที่ดินบริเวณวัดนี้เป็นตลาด เรียกชื่อว่า วัดลีเชียง (ลี หมายถึง ตลาด) จนถึงปี พ.ศ. 1888 พระเจ้าผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังรายทรงโปรดฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้น พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิพระราชบิดาของพระองค์ สถาปัตยกรรมสำคัญของวัดนี้ได้แก่ วิหารลายคำที่มีจิตรกรรมฝาผนังงดงาม พระอุโบสถ หอไตรที่มีปูนปั้นรูปเทวดาประดับ และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา
 
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
        ประดิษฐานเจดีย์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ วัดนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเชียงใหม่พอดี สร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ต่อมาพระยาติโลกราชให้ช่างสร้างเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ สูงถึง 98 เมตร ฐานกว้างด้านละ 54 เมตร แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2024 ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภาครองเมืองเชียงใหม่ ได้เกิดแผ่นดินไหวทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลงเมื่อปี พ.ศ. 2088 วิหารด้านหน้าของวัดนี้เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยงดงามยิ่ง ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหาร นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุด ของภาคเหนือ