ค้นหา

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วัดมหาธาตุ


          ไปทำบุญที่วัดมหาธาตุมีพระเจดีย์ ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูง ประมาณ 4 วาเศษ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงสร้างมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกใน พระเจดีย์องค์ใหญ่ หลังพระอุโบสถ และได้นำ โบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู ในท้องหมูมีลานทองจาลึกอยู่ 3 แผ่น มีข้อความตามจารึกว่า "พระเจ้าเพชรบุรเป็นลูกพระญาอนรงปรดิสถาแล" เขียน เป็นคำปัจจุบันได้ "พระ เจ้าเพชรบุรเป็นลูก พระยาอันรงประดิษฐานไว้"จึงทำให้เราทราบว่า"เพชรบูรณ์"แต่เดิมนั้นเป็น "เพชรบุร" ตั้งอยู่ถนนนิกรบำรุง ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 

เที่ยวที่พัทยาแวะสวนนงนุช

สวนนงนุช พัทยา แหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของไทย

     เที่ยวที่พัทยาแวะสวนนงนุช ชมการแสดงไปแล้ว คราวนี้ ผมนำเสนอ ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้ง ภาพสวยๆ ภายในสวน ในจุดที่ถ่ายมา แต่ขอบอกว่า นี่แค่บางส่วนนะครับ มีสวยๆ อีกเยอะแยะ ไม่มีเวลาดูจนครบ

 ประวัติความเป็นมา “สวนนงนุช พัทยา”
     ปี พุทธศักราช 2497 (ค.ศ.1954) คุณพิสิฐและคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินจำนวน 1,500 ไร่ (600 เอเคอร์) หลักกิโลเมตรที่ 163 ระหว่างพัทยา-สัตหีบ เป็นสวนผลไม้ เช่น มะม่วง ส้ม มะพร้าว และ อื่นๆต่อมาคุณนงนุช ได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศกับ เพื่อนๆ และได้ประทับใจในสวนสวยงาม ประกอบทั้งเป็นคนชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้เกิดมีแนวความคิดที่จะ ”จัดสวนให้คนมาเที่ยว” ดังนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนสวนผลไม้เป็นเป็นสวนไม้ดอกและไม้ประดับ และได้ปลูกสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น บ้านทรงไทย บ้านกระท่อม บ้านแบบทาวน์เฮาส์ สระว่ายน้ำ ห้องอาหาร และห้องจัดเลี้ยง – สัมมนา สำหรับให้บริการกับนักท่องเที่ยว

อนุสาวรีย์ กรมหลวงประจักษ์

อนุสาวรีย์ กรมหลวงประจักษ์

             อยู่ที่จังหวัดอุดรธานี พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม  เป็นพระราชโอรสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาสังวาล    ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2399  ทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ (เรียกว่า “มณฑลอุดร” ในสมัยต่อมา) ระหว่าง ร.ศ.112-118  ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองอุดรขึ้นเมื่อ  ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) ทรงจัดวางระเบียบราชการปกครองบ้านเมือง  และรับราชการในหน้าที่สำคัญๆที่อำนวยประโยชน์แก่ราษฎร พระอนุสาวรีย์รูปปั้นทองบรอนซ์ในพระอิริยาบถทรงประทับยืนอยู่บนแท่นหินแกรนิต สีเทาดำ ที่มีความสูงเฉพาะพระแท่นประทับประมาณ 3.50 เมตร ทรงฉลองพระองค์ เครื่องแบบทหารเต็มพระยศ พระหัตถ์ขวาทรงถือพระแสงกระบี่ พระอนุสาวรีย์ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชาวจังหวัดอุดรธานี ซึ่งชาวจังหวัดอุดรธานี ให้ความเคารพนับถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่ง ชาวอุดรธานีที่จะเดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง หรือกลับมาถึงเมืองอุดรธานี จะยกมือไหว้เพื่อเป็นการบอกกล่าว รวมถึงประชาชนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาด้วย สำหรับการกราบไหว้เพื่อการขอพรนั้น ผู้สันทัดกรณีบอกว่าเป็นเคล็ดลับ เช่นหากว่าขอพรในการสอบแข่งขัน การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งก้าวหน้า สอบราชการทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจต่างๆ ท่านบอกว่าให้ตั้งจิตอธิษฐานบนบานต่อพระองค์ท่าน ด้วยการวิ่งรอบพระอนุสาวรีย์ และถวายม้าและดาบ เป็นของแก้บน ส่วนผู้ที่ไม่ได้บนบาน การกราบไหว้พระอนุสาวรีย์กรมหลวงฯ ทำให้เกิดมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ปราศจากอุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน ประสบผลสำเร็จในการเรียน

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน จังหวัดเชียงใหม่


          ที่อุทยานแห่งชาติขุนขานอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง และป่าแม่แจ่ม ท้องที่ตำบลแม่สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง และตำบลบ้านจันทร์ ตำบลแม่นาจาร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 442,500 ไร่ หรือ 708 ตารางกิโลเมตร

          ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่ ได้ทำการสำรวจและพิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีสภาพธรรมชาติอันสวยงาม มีน้ำตก หน้าผา ถ้ำ หลายแห่งเหมาะสมให้กรมป่าไม้ทราบและพิจารณา กรมป่าไม้ จึงได้มีคำสั่งที่ 934/2536 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2536 ให้นายสุรศักดิ์ วุฒิอิ่น ตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ส่วนอุทยานแห่งชาติ มาดำเนินการสำรวจจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยใช้ชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติขุนขาน”

          สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส ต่ำสุดเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยโดยทั่วไป 23 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,380 มิลลิเมตร
 
สภาพป่าของอุทยานแห่งชาติ ประกอบไปด้วยป่า 5 ชนิด คือ 
1.ป่า ดิบเขาพบตามภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 1,000 เมตร ขึ้นไป บริเวณตอนบนของพื้นที่และบริเวณเทือกเขาแบ่งเขตอำเภอสะเมิงกับอำเภอแม่แจ่ม พันธุ์ไม้ที่พบมากได้แก่ ก่อ สนสามใบ ทะโล้ ตุ้มเต๋น มะขามป้อม จำปี มะส้าน สารภีป่า นมนาง เป็นต้น 
2.ป่า ดิบแล้ง พบทั่วไปบริเวณหุบเขาและริมลำห้วยในระดับความสูง 600-1,000 เมตร พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ได้แก่ ยาง ตะเคียน มะม่วงป่า ลำไยป่า มะไฟ มะเดื่อ เป็นต้น
3.ป่า สนเขา พบตามยอดเขาโดยทั่วไปที่ระดับความสูง 700-1,300 เมตร พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ได้แก่ สนสองใบ สนสามใบ ก่อ รัก รัง เหียง เป็นต้น
4.ป่าเบญจพรรณ พบทางทิศตะวันออกของพื้นที่ พันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้แก่ สัก เติม สมอไทย เส้า แดง ประดู่ เสี้ยว มะแฟน ซ้อ เป็นต้น
5.ป่า เต็งรัง พบมากโดยทั่วไปบริเวณภูเขาที่ไม่สูงมากนัก พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง สนสองใบ มะกอก เส้า เสี้ยว เป็นต้น

         สัตว์ป่าที่มีมาก ได้แก่ เก้ง หมูป่า ไก่ป่า เม่น หมาไน หมาจิ้งจอก นิ่ม ตุ่น กระรอก กระต่ายป่า บ่าง ค้างคาว อีเห็น พังพอน เป็นต้น ที่มีน้อยได้แก่ ลิง ชะนี เสือ เลียงผา นกกก เป็นต้น

ดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ

         ดอยอินทนนท์ จะมียอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2,565 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนอากาศหนาวเย็นตลอดปี แวดล้อมด้วยสภาพป่าแบบดึกดำบรรพ์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด และนกสวยงามนานาพันธุ์ ด้วยเป็นป่าต้นน้ำ จึงมีน้ำตกสวยงามขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น น้ำตกแม่ยะ น้ำตกสิริภูมิ น้ำตกแม่กลาง ฯลฯ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิร

หุ่นขี้ผึ้งสยาม


           มาดูอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดหลวงตำบลวังเย็น และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 20 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯไปตามถนนเพชรเกษม จนถึงสี่แยกบางแพลัวไปทางเส้นทางสายบางแพ-ดำเนินสะดวก  
           อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามนี้มีเนื้อที่กว้างกว่า 42 ไร่ ธรรมชาติร่มรื่น สามารถเดินชมจุดต่างๆในอุทยานได้อย่างร่มเย็น เช่น อาคารเชิดชูเกียรติจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญทั้งชาว ไทยและชาวต่างชาติ อาทิครูมนตรี  ตราโมท, ม.ล.ปิ่น  มาลากุล, แม่ชีเทเรซ่า, ประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิง, ประธานาธิบดีเหมาเจ๋อตุง เป็นต้น,  ลานพระ 3 สมัยเป็นลานแสดงประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัยหล่อด้วยทองเหลืองและรมดำ, ถ้ำชาดกจัดแสดงเกี่ยวกับพระชาติสุดท้ายของพระเวสสันดรชาดกเนื่องการให้ทาน, กุฏิพระสงฆ์หมู่เรือนไทยเป็นที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งพระสุปัฏิปันโนเลื่อง ชื่อทั่วไทย, บ้านไทย๔ ภาค, น้ำตกจำลองและลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 
           และเปิดให้เข้าชมทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา  09.00 - 16.00 น.เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 08.30 - 17.00  น.

ราชาไหมไทย ชื่อฝรั่ง บ้านจิม ทอมป์สัน

สถานที่ท่องเที่ยว

            ที่บ้านจิมทอมป์สัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางกรุงเทพฯ  มีประวัติความเป็นมาอยู่ว่า จิม ทอมป์สันหรือเจมส์ แฮริสัน วิลสัน ทอมป์สัน เจ้าของบ้านซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นสถาปนิกชาวอเมริกัน ที่มีความหลงใหลในงานศิลปะ ในช่วงสงครามยุโรปเขาได้สมัครเข้ารับราชการทหาร    ในกองทัพสหรัฐ  และได้รับมอบหมาย   ให้ประจำการ   ที่สำนักงานด้านยุทธศาสตร์ งานนี้ทำให้เขาได้เดินทางไปทั่วโลก และมีครั้งหนึ่ง  ที่เขาได้เดินทางมายังประเทศไทย   เขามีความรู้สึกรักและผูกพันกับประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างมาก จึงมีความตั้งใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจที่นี่อย่างถาวร ต่อมาเมื่อเขาปลดประจำการจากกองทัพ ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาจึงกลับมายังประเทศไทยโดยเข้าสู่วงการผ้าไหมไทยอย่างเต็มตัว เป็นบุคคลที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ ทำให้ผ้าไหมของไทยได้รับการชื่นชมและยอมรับไปทั่วโลกถึงความสวยงามและมี คุณภาพดี มีเอกลักษณ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายา “ราชาไหมไทย” ตั้งแต่บัดนั้น และต่อมาภายในปี พ.ศ 2510 ระหว่างการพักผ่อนที่แคเมอรอน ไฮแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวพัก ผ่อนตากอากาศของประเทศมาเลเซีย จิม ทอมป์สันได้หายสาปสูญไปอย่างลึกลับ ทางครอบครัวและญาติจัดทีมค้นหาอย่างจริงจังและยาวนาน แต่ก็คว้าน้ำเหลว หลังจากช่วงเวลานั้นจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นหรือรู้ข่าวคราวของจิม ทอมป์สันอีกเลย เหลือไว้แต่บ้านจิม ทอมป์สันแห่งนี้ ที่ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเข้า เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างมากมาย

มาดูประวัติหลวงปู่หล้าอีกที่หนึ่งที่สวยงาม

ประวัติหลวงปู่หล้า
            หลวง ปู่หล้า มีชื่อ หล้า ฉายา จนฺโท (อ่านว่าจันโท) ฉายา หรือชื่อที่อุปัชฌาย์ คือ พระเถระผู้บวชกุลบุตรในพระพุทธศาสนาตั้งให้ท่านได้แก่ "จนฺโท"นั้นแปลว่า พระจันทร์ การตั้งฉายาเป็นไปตามวันเกิด หลวงปู่หล้าเกิดวันพฤหัสบดี

นำประวัติวัดป่าตึงมาแนะนำ

ประวัติวัดป่าตึง
            เดิมเป็นวัดร้าง คู่กับวัดเชียงแสน ก่อนที่จะสร้างวัดนี้ขึ้นมาได้พบพระบรมสารีริกธาตุ และของมีค่ามากมายหลาย อย่าง อาทิ วัตถุโบราณ พระพุทธรูป เครื่องถ้วยชามสังคโลก บริเวณวัดมีโบราณวัตถุอยู่ทั่วไป และมีเตาเผาเครื่อง ถ้วยชามสังคโลกอยู่ด้วย แต่หมดสภาพ เพราะดินยุบไปหมด นอกจากบริเวณวัดแล้วตามป่าเขารอบ ๆ ซึ่งมีเนื้อที่ ประมาณ 10,000 ไร่ ก็จะมีเตาเผาสังคโลกอยู่ทั่วไป ชาวบ้านมักจะพบอยู่เสมอ วัดป่าตึง อยู่ในหมู่บ้านป่าตึง หมู่ 7 ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ สร้างเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2425 ปัจจุบันอายุ 111 ปี โดยครูบาปินตาพบว่าสถานที่แห่งนี้เดิมเป็นวัดร้าง มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาต มีศิลาจารึก เตาเผาเครื่องสังคโลกอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่อยู่างหนาแน่นจึงได้ชักชวนชาวบ้านบูรณะวัดร้างแห่ง นี้ได้รับประกาศแต่งตั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ ตามประกาศลงวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2497